top of page
รูปภาพนักเขียนForus group

skincare 'for men' or skincare 'for you'



สำหรับเรื่องผิว ทุกคนย่อมมีประเภทผิวที่แตกต่างกันไป ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือบางคนอาจมีผิวแพ้ง่ายเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการเลือกใช้สกิลแคร์ที่เหมาะสมกับผิวหน้าของแต่ละคนจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ผิวของเรามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ในตลาดมีสกินแคร์มากมายวางขายให้เลือกสรรแล้วแต่ว่าคุณจะต้องการผลลัพธ์แบบไหน แต่การเลือกสกินแคร์ที่เข้ากับตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ว่าผิวของตัวเองต้องการอะไร หลายแบรนด์จึงออกผลิตภัณฑ์ที่มีการจัดประเภทมาแล้วว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสำหรับผิวแบบไหน แต่ยังมีผลิตภัณฑ์บางประเภทที่ไม่ได้เลือกเจาะกลุ่มลูกค้าที่ประเภทผิว แต่เป็นเพศกำเนิดของผู้บริโภค ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเมื่อแบรนด์ต้องการเจาะกลุ่มตลาดผู้ชายผลิตภัณฑ์จะแปะป้ายคำว่า for men ใครที่เพศกำเนิดเป็นผู้ชายก็แค่หยิบผลิตภัณฑ์ for men ไปใช้ คุณก็จะสามารถดูแลผิวแบบผู้ชายที่มีสภาพผิวแตกต่างจากผิวผู้หญิงได้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วนั้น สภาพผิวของเพศชาย ใช่ว่าจะมีรูปแบบเดียว


เพศกำเนิดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวมีสภาพแตกต่างกันเนื่องมาจากพันธุกรรมและฮอร์โมนเพศ รองศาสตราจารย์ ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวไว้ว่า ผิวหนังของผู้หญิงมักจะบางและละเอียดกว่าผู้ชายแล้วยังมีชั้นไขมันใต้ผิวหนังที่หนากว่า และผู้ชายมักจะมีชั้นผิวหนังหนากว่าผู้หญิงนอกจากนี้คอลลาเจนในชั้นผิวหนังของผู้ชายจะเสื่อมช้ากว่าผู้หญิงจนถึงอายุ 90 ปี แต่คอลลาเจนในผู้หญิงจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็วหลังหมดประจำเดือน แต่ถึงอย่างนั้นความสามารถในการป้องกันความชุ่มชื้นของผิวหนังในผู้ชายและผู้หญิงไม่มีความแตกต่างกัน ข้อแตกต่างอีกประการหนึ่งคือผิวหนังของผู้ชายจะหลั่งไขมันออกมาจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังมากกว่า ส่งผลให้ผิวของผู้ชายมีโอกาสมันได้มากกว่าตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นจนถึงช่วงอายุประมาณ 69 ปี เป็นสาเหตุให้ผิวหน้าผู้ชายมีโอกาสเกิดสิวได้มากกว่าในผู้หญิง ในขณะที่ผิวหนังของผู้หญิงจะสูญเสียความชุ่มชื้นเพราะการหลั่งไขมันจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังลดลงหลังหมดประจำเดือน ผู้ชายในช่วงวัยทองจะยังคงมีผิวหนังที่อยู่ในสภาพดีแม้จะไม่เท่าวัยหนุ่มแต่ก็ไม่เสื่อมลงอย่างรวดเร็วแบบของผู้หญิง


แบบนี้การเลือกสกินแคร์จากเพศมันก็ฟังดูเข้าท่าดีใช่มั้ยล่ะคะ



แล้วคุณผู้อ่านทราบกันมั้ยว่าแท้จริงแล้วสกินแคร์ for men กับสกินแคร์แบบปกติต่างกันอย่างไรบ้าง?


ที่สังเกตได้ง่าย ๆ เลยก็คือสกินแคร์ for men มักจะมีบรรจุภัณฑ์สีเข้ม มีกลิ่นน้ำหอมที่ให้ความรู้สึกสดชื่น (คุณผู้อ่านควรระวังในการเลือกซื้อนะคะ เพราะอาจแพ้น้ำหอมพวกนี้ได้) และให้สัมผัสที่เย็น แต่ถ้าหากพิจารณาในเรื่องของส่วนผสมที่ช่วยในการบำรุงรักษาผิวแล้วไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่าแม้สภาพผิวของผู้หญิงและผู้ชายจะมีความต่างกันอยู่บ้างแต่หลักการในการรักษาปัญหาผิวก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เช่น ผิวหนังเหี่ยวย่นสามารถป้องกันหรือชะลอได้ด้วยการกระตุ้นคอลลาเจน ผิวมันแต่ขาดน้ำสามารถบรรเทาได้โดยการเติมความชุ่มชื้น ซึ่งการเติมน้ำให้ผิวในแต่ละเพศก็ไม่ได้ใช้วิธีที่ต่างกันเลย ดังนั้นเราควรเลือกสกินแคร์จากความเหมาะสมของสภาพผิวกับส่วนผสมในสกินแคร์มากกว่าเลือกว่าสำหรับเพศใด ซึ่งในปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ มักจะมีการแยกว่าชิ้นไหนสำหรับผู้ชาย ชิ้นไหนสำหรับผู้หญิง คุณผู้ชายหลายคนก็เลยมักจะเลือกใช้สกินแคร์ที่ทางแบรนด์แปะคำว่า for men ไว้บนบรรจุภัณฑ์ แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าจะสกินแคร์สำหรับเพศไหนทุกเพศก็สามารถใช้ได้ทั้งหมด ขอแค่เข้ากับผิวได้เท่านั้นเอง อย่างที่กล่าวไปข้างต้นสกินแคร์ for men มักจะมีน้ำหอมกลิ่นสดชื่นและแอลกอฮอล์อยู่มากซึ่งคุณผู้ชายหลายท่านอาจจะแพ้ ในขณะเดียวกันคนเพศอื่น ๆ ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ for men ได้ถ้ามันเข้ากับผิวของคุณ


สกินแคร์คือสิ่งที่ต้องชโลมลงบนผิว จึงมีความเสี่ยงมากที่จะทำให้ผิวของคุณเกิดอาการระคายเคือง แทนที่จะมีผิวสุขภาพดีมากขึ้นอาจกลายเป็นแย่ลงได้ ดังนั้นผู้เขียนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะสามารถค้นพบสกินแคร์ที่เหมาะกับตนเองเจอในที่สุด และแน่นอนว่าเป็นการเลือกสกินแคร์จากสภาพผิวไม่ใช่เพศ


วันนี้ผู้เขียนจึงมาแนะนำสกินแคร์ที่อ่อนโยน มีโอกาสก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ค่อนข้างน้อย และมีประสิทธิภาพดีในราคาที่ไม่แพงจนเกินไปเมื่อเทียบกับคุณภาพให้กับคุณผู้อ่านทุกคนได้เก็บไว้เป็นอีกตัวเลือกในการเลือกซื้อสกินแคร์ และไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบไหนสิ่งที่สำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ก็คือสกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำสกินแคร์ที่ประกอบด้วยส่วนผสมที่สามารถดึงความชื้นจากในอากาศเข้ามาสู่ผิวได้ หรือที่เรียกว่าส่วนผสม humectant นั่นเอง


1. Moisturizer จากแบรนด์ CeraVe




ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นจากแบรนด์นี้มีความอ่อนโยนมาก เน้นไปที่การให้ความชุ่มชื้นจริง ๆ โอกาสที่จะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองค่อนข้างน้อย CeraVe Moisturizing Lotion เหมาะกับผิวมันและผิวผสม ส่วน CeraVe Moisturizing Cream จะเหมาะกับผิวแห้งมากกว่า และจากประสบการณ์ของผู้เขียนเมื่อเจออากาศที่หนาวมากจนผิวหน้าแห้งแตก หรือการใช้วิตามินเอบ่อยเกินไปจนผิวลอก เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ผิวก็จะกลับมามีสุขภาพดีได้อย่างรวดเร็ว


2. น้ำตบจากแบรนด์ Hada Labo



น้ำตบจาก Hada Labo มีอยู่มากมายหลายสูตร แต่ส่วนผสมหลักที่เป็นจุดขายของแบรนด์นี้ก็คือ Hyaluronic Acid ที่ช่วยในการดึงน้ำจากอากาศเข้าสู่ผิวทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละสูตรแต่ละสี และสูตรที่ผู้เขียนอยากแนะนำมากที่สุดก็คือ HADA LABO Premium Lotion ที่มีสารให้ความชุ่มชื้นเยอะมาก ๆ และ HADA LABO Premium Whitening Lotion ที่ให้ความชุ่มชื้นได้ดีและจากประสบการณ์ที่ได้ใช้อย่างต่อเนื่องพบว่าให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีมากและไม่เหนียวเหนอะหนะจนเกินไป จากความรู้สึกคิดว่ารอยสิวจางลงไวขึ้น


3. Eucerin Hyaluron Mist Spray



เป็นสกินแคร์ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนผิวมัน ผิวผสม หรือผู้ที่ไม่ชอบความเหนียวเหนอะหนะ เพราะมาในรูปแบบมิสต์ที่มีละอองละเอียดมาก แห้งไวแต่ยังทิ้งความชุ่มชื้นไว้ที่ผิวพอประมาณ สามารถฉีดทับเมคอัพได้โดยไม่ไหลเยิ้มให้เกิดความรำคาญใจ จากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนที่ใช้ติดต่อกันไประยะหนึ่งแล้วสัมผัสได้ว่าผิวมีสุขภาพดีขึ้น เมื่อสัมผัสผิวหน้าแล้วรู้สึกเรียบเนียนกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

สุดท้ายนี้ผู้เขียนเพียงแค่แนะนำสกินแคร์จากประสบการณ์ของตนเองเพื่อแนะนำตัวเลือกให้กับคุณเท่านั้น ถ้าคุณอยากเลือกซื้อสกินแคร์ที่ประกอบไปด้วยส่วนผสม humectant อากาศเองนอกเหนือจากที่แนะนำไว้ละก็ คุณสามารถเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสม เช่น Hyaluronic Acid, Sodium Hyaluronate, Glycerin, Panthenol, Betaine, Urea และ Aloe Vera ดังนี้ได้เลยค่ะ และใช้วิจารณญาณในการเลือกซื้อเลือกใช้นะคะ อะไรที่เข้ากันได้ดีกับสภาพผิวคนอื่นอาจจะก่อให้เกิดความระคายเคืองกับผิวของคุณก็ได้ สังเกตสภาพผิวของตัวเองและหาสิ่งที่ใช่สำหรับคุณนะคะ





เขียนบทความโดย natthachar

ภาพโดย @jaijai.art @miyoou11




ดู 9 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


bottom of page