top of page
รูปภาพนักเขียนForus group

วิตามินเอชะลอวัยได้จริงหรอ?


เมื่ออายุมากขึ้น เป็นธรรมดาที่ผิวจะเสื่อมสภาพลงและเกิดรอยเหี่ยวย่นได้ เป็นเรื่องธรรมชาติและไม่มีอะไรเสียหายเลยที่ผิวของคุณจะมีรอยเหี่ยวย่นที่เกิดขึ้นตามวัย แต่ถ้าหากคุณกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ละก็ เราขอแนะนำสิ่งที่จะสามารถช่วยคลายความกังวลนี้ได้ นั่นก็คือวิตามินเอและอนุพันธุ์วิตามินเอหรือที่เรียกว่า Retinoids ซึ่งเป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการกระตุ้นคอลลาเจนที่ผิวจึงสามารถช่วยชะลอการแก่ของผิวได้เป็นอย่างดี


หลายคนอาจรู้จักวิตามินเอและอนุพันธุ์วิตามินเออยู่แล้วจากคุณสมบัติที่ช่วยในการรักษาสิวหรือผลัดเซลล์ผิว และนอกจากจะช่วยในเรื่องดังกล่าวได้แล้วยังมีคุณสมบัติที่จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวได้อีกด้วย โดยในปี 2019 PubMed Central ได้เปิดเผยข้อมูลที่ว่านอกจากวิตามินเอและอนุพันธุ์วิตามินเอจะมีประสิทธิภาพในการรักษาสิวได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังมีประสิทธิภาพในการผลิตคอลลาเจน กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอีกด้วย และในปี 2019 Journal of Investigative Dermatology ได้ศึกษาและพบว่าเรตินอล(สารที่สามารถแปรสภาพเป็นกรดวิตามินเอที่พร้อมใช้งานได้ ซึ่งจะกล่าวถึงภายหลัง) มีคุณสมบัติช่วยลดเลือนริ้วรอย หลังจากใช้ 8 สัปดาห์ จะเห็นได้ว่ามีงานวิจัยหลายงานที่รับรองประสิทธิภาพของวิตามินเอและอนุพันธุ์วิตามินเอในการช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว


น่าสนใจใช่มั้ยล่ะคะ?


เรามาดูกันดีกว่าว่าการจะเลือกหาวิตามินเอและอนุพันธุ์วิตามินเอมาใช้ควรรู้อะไรบ้าง




วิตามินเอและอนุพันธุ์วิตามินเอที่วางขายในท้องตลาดไม่ได้ใช้ชื่อว่า vitamin a แต่อย่างใด ผู้เขียนจึงอยากแนะนำให้ผู้อ่านทราบและสามารถสังเกตได้ว่าผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้างที่มีวิตามินเอเป็นส่วนประกอบ


วิตามินเอและอนุพันธุ์วิตามินเอจะเรียกว่า Retinoids ซึ่งมีสารในกลุ่ม Retinoids อยู่มากมายประกอบด้วย retinyl esters (ตัวอย่างเช่น retinyl propionate และ retinyl palmitate), retinol (วิตามินเอ), retinaldehyde และตัวสุดท้าย retinoic acid (กรดวิตามินเอ) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน


ก่อนจะกล่าวถึงการทำงานของสารในกลุ่ม Retinoids ต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันก่อนว่าสารแอคทีฟคืออะไร สารแอคทีฟในที่นี้คือสารที่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน สามารถออกฤทธิ์ได้ด้วยตนเอง ในขณะที่สารตั้งต้นคือสารที่ไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ด้วยตนเอง ต้องอาศัยเอนไซม์ใต้ชั้นผิวในการแปรสภาพเพื่อให้สามารถออกฤทธิ์ได้ และสารแอคทีฟก็คือ Retinoic acid หรือ Tretinoin หรือ กรดวิตามินเอนั่นเอง ส่วนสารที่เป็นสารตั้งต้นก็คือ retinyl esters, retinol และ retinaldehyde ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามลำดับก็คือ retinyl esters จะเปลี่ยนเป็น retinol และ retinol จะเปลี่ยนเป็น retinaldehyde จากนั้นจึงจะเปลี่ยนเป็นสารแอคทีฟได้ และลำดับการแปรสภาพนี้ก็ส่งผลต่อผลลัพธ์ด้วย สารตั้งต้นที่ต้องแปรสภาพหลายครั้งกว่าจะอยู่ในรูปสารแอคทีฟจะเห็นผลน้อยกว่าสารตั้งต้นที่แปรสภาพน้อยครั้งกว่า และที่สำคัญไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ที่ดีเท่านั้นที่จะน้อยกว่า การระคายเคืองจากการใช้ก็ลดลงด้วย


อ่านมาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงจะสงสัยกันแล้วว่า Retinoids ทำให้ระคายเคืองได้ด้วยหรอ?

แล้วระคายเคืองแบบไหนล่ะ?

มีข้อเสียอื่น ๆ อีกไหม?


ในช่วงแรกของการใช้สารในกลุ่ม Retinoids อาจมีอาการสิวผุดขึ้นมามากได้ แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียมากขนาดนั้น หากใช้ต่อไปเรื่อย ๆ สิวจะค่อย ๆ ลดน้อยลงไปเอง และสิ่งที่ร้ายแรงจริง ๆ ที่เกิดขึ้นได้จากการใช้ Retinoids ก็คืออาการผิวแห้ง และห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์อย่างเด็ดขาดเพราะอาจส่งผลให้ทารกในครรภ์พิการได้ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วสารแอคทีฟที่สามารถออกฤทธิ์ได้ด้วยตนเองจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ในขณะเดียวกันก็จะได้ความระคายเคืองที่มากกว่าด้วย ผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงในการใช้ยาที่มีส่วนผสมของ Tretinoin ซึ่งเป็นสารแอคทีฟจึงจะขอแนะนำว่าการใช้ Tretinoin โดยไม่ระมัดระวังจะก่อให้เกิดอาการผิวแห้งอย่างหนักจนไปถึงขั้นผิวลอกได้ แต่ถ้าหากใช้อย่างระมัดระวังแล้วละก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีหลายด้านเลยค่ะ


ข้อควรระวังในการใช้ Tretinoin คือในระหว่างใช้จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ และจะต้องไม่ใช้ติดต่อกัน ในระยะเริ่มแรกควรเริ่มจากใช้ทาแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนจนผิวเริ่มปรับสภาพได้จึงจะค่อย ๆ เพิ่มเวลา จนสามารถใช้ทานอนทั้งคืนได้ อย่างไรก็ตามไม่ควรใช้ Tretinoin ติดต่อกันสองคืนเพราะจะทำให้ระคายเคืองได้ นอกจากนี้เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Tretinoin แล้ว ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดรวมไปถึงไม่ควรใช้ Tretinoin ในตอนกลางวัน เพราะเมื่อใช้แล้วจะทำให้ผิวไวต่อแดดมากยิ่งขึ้น และตัว Tretinoin เองก็จะเสื่อมสภาพเมื่อเจอกับแสงแดดด้วย เพราะสาเหตุนี้จึงควรเก็บรักษาไว้ในที่ที่พ้นจากแสงแดดและมีอุณหภูมิที่ไม่สูงมากจนเกินไป


สุดท้ายนี้ผู้เขียนอยากจะฝากไว้ว่าการที่มนุษย์เราอายุเพิ่มขึ้นริ้วรอยแห่งวัยก็มากขึ้นตามมา ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย และการเลือกใช้สกินแคร์หรือยาในการรักษาผิวควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนการใช้งาน เพราะอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดีได้ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านได้บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ




เขียนบทความโดย natthachar

ภาพโดย Jirut

ดู 8 ครั้ง0 ความคิดเห็น

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Commentaires


bottom of page